ที่เค้าว่ามัลดีฟส์เป็นเกาะสวรรค์นั้นเป็นเรื่องจริง หากแต่จะเป็นสวรรค์ชั้นไหนอยู่ที่เลือกรีสอร์ท ทุกเกาะต่างก็มีวิวเป็นน้ำทะเลสีฟ้าสลับน้ำเงินเหมือนภาพวาดไม่ต่างก้น แต่จะสวยกว่านั้นอยู่ที่ดีไซน์ของที่พักว่าจะออกแบบมาให้เก๋ไก๋ขนาดไหน
แต่ถ้าพูดถึง Anantara Kihavah แล้ว ต้องบอกว่าอยู่บนสวรรค์ชั้นเจ็ดอย่างแท้จริง แพทติดใจภาพอ่างอาบน้ำพื้นใส open air มองไปเห็นสระน้ำและทะเลแบบในภาพปก บวกกับภาพร้านอาหารใต้ทะเลเหมือนได้ลงไปกินข้าวในบ้านเงือกน้อยแอเรียล แค่นี้ก็ตัดสินใจเลือกที่พักไม่ยากเลย
เอาล่ะค่ะ ทริปนี้เรามาเป็นแกงค์พาวเวอร์พัฟเกิร์ลค่ะ นั่นก็คือคุณพี่สาวและคุณแม่นั่นเองง แถ่แดแด๊….
การมากับสาวๆนี่มีข้อดีนะคะ จะถ่ายรูปนานแค่ไหนก็ได้ จะเปลี่ยนกี่ชุดก็ได้ ไม่มีใครรำคาญกันค่ะ ทุกคนเข้าใจกันแถมยังช่วยกันจัดมุมจัดท่าด้วย
การเดินทางครั้งนี้ของเราบินตรงจากกรุงเทพมากับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ค่ะ จากนั้นก็ต่อ seaplane ไปที่รีสอร์ท ส่วนของ seaplane อีเมล์ให้โรงแรมจัดการให้ได้เลย เค้าจะจัดให้เวลาพอดีๆกับไฟลท์เราค่ะ
ทางรีสอร์ทมี lounge ให้นั่งพักสบายๆแอร์เย็นๆรอเครื่องด้วย มีน้ำมีขนมพร้อม
เครื่องบินจิ๋วของเรามารอแล้วว
จะบอกว่าให้แย่งขึ้นมานั่งริมหน้าต่างไวไวค่ะ และพยามอยู่หน้าๆ ตรงที่ไม่ชนปีกก อีกอย่างคืออ กระซิบบอกพนักงานเรือว่าให้เช็ดกระจกตรงที่นั่งของเราให้ด้วยค่ะ คราวก่อนมันเขรอะมาก ถ่ายรูปไม่สวยเลย
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งที่สามแล้วที่มาเยือนมัลดีฟส์ แต่มากี่ครั้งก็อดตื่นเต้นกับการได้ขับผ่าน atoll ต่างๆ จากบนฟ้า (atollแปลว่าเกาะค่ะ)
พอลงจากเครื่องมาก็กรี๊ดดดดดด เลยค่ะ น้ำสีสวยมากกกกก รีสอร์ทสวยม๊ากกกกกกก
พอเรือแล่นใกล้มาถึงท่าเรือของรีสอร์ทตกใจมากเลย เค้ามาตั้งขบวนต้อนรับตีกลองตุ้งแช่ๆ กันใหญ่ น่ารักมากๆ
พอมาถึงแพทขอ butler ให้พาเข้าห้องก่อนเลยค่ะ ไม่ใช่อะไรค่ะ หน้าเยิน อยากไปเติมหน้าเดี๋ยวถ่ายรูปไม่สวย ฮ่าๆๆๆ นี่เป็นทางไป over water villa ค่ะ บ้านของแพทอยู่ทางขวากลางๆนู้น
เซอร์ไพรซ์ก๊อกแรกคือหน้าบ้านของเรามีป้ายนามสกุลเราด้วยค่ะ และจักรยานหน้าบ้านก็ยังเป็นชื่อเราทั้งสามคนอีก
เข้ามาในห้องสามแม่ลูกกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ โดยเฉพาะคุณแม่จอมโซเชียลถ่ายรูปอัพรูปอย่างไวเลย
เซอร์ไพรซ์ก๊อกสองคือทางโรงแรมเตรียมช็อคโกแลตชื่อพวกเราไว้ให้ค่าา กรี๊ดดด
ไม่ใช่แค่นั้นค่ะ นางมีบริการนวดเท้าให้เราถึงห้องเลย
มาส่องห้องน้ำกันบ้างค่ะ ห้องน้ำจะเชื่อมกับสระว่ายน้ำ มองไปเห็นทะเล มี shower สองที่นะคะ เป็น indoor และ outdoor ส่วน outdoor นี่ตรงพื้นจะเป็นกระจกใสใสอาบไปเห็นปลาว่ายไป ตรง bath tub พื้นก็เป็นกระจกเหมือนกันค่ะ หวิวๆดี ฮ่าๆๆ แต่สวยมากๆ
จุดเด่นของที่นี่อีกอย่างคือมีร้านอาหารใต้น้ำค่ะ จริงอยู่ที่รีสอร์ทในมัลดีฟส์หลายแห่งก็มีร้านอาหารใต้น้ำเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ทุกที่จะดีจริงๆนะ จะสวยหรือไม่สวยอยู่ที่ดีไซน์และปะการังแถวๆนั้นด้วยค่ะ อย่างที่นี่เปิดมาค่อนข้างนานแล้ว ปะการังโตเต็มที่ ปลาน้อยใหญ่มารุมกันว่ายชุกไปหมด รวมถึงน้องเต่าด้วยค่ะ แพทมีนัดทานอากหารและ wine tasting กันตั้งแต่เที่ยงๆยันบ่ายแก่ๆ น้องเต่าก็ว่ายวนไปวนมาโชว์ตัวอย่างกับใส่ถ่าน แพทถ่ายวีดีโอลง IG Story Highlight ไว้ด้วยไปดูกันได้
อาหารอร่อยหลายจานเลยค่ะ แพทชอบ main ของแพทที่เป็น seafood platter มาก Sommelier ก็คุยสนุกสุดๆ เพลินจนลืมเวลาจริงๆ มื้อนี้เป็นมื้ออาหารที่น่าจดจำแบบไม่รู้ลืมจริงๆ
ขึ้นมาจาก Sea ร้านอาหารใต้น้ำแสนสวยเรามานั่งชิวต่อที่ร้าน Sky ค่ะ อยู่ติดกันเลย ร้านนี้จะขายเครื่องดื่ม มี Sofa bed ให้นอนกลิ้งไปกลิ้งมาชมวิวเหมือนคุณแม่ตามภาพ หลังจากโดนไวน์มาสี่แก้วสภาพก็จะประมาณนี้
มีร้านอาหารถึง 6 ร้านและไม่รวม dining by design อีกนะ ร้านนี้เป็น Sushi Bar ค่ะ ชื่อ Fire และที่สำคัญข่าวดีคือมีร้านอาหารไทยด้วย รสชาติไทยจริงๆ แซ่บถึงใจ ถ้าเลี่ยนๆอาหารฝรั่งแล้วจัดซักมื้อเลย
ด้านบนของร้าน Sky จะเป็นหอดูดาวที่บรรยากาศดีมากๆๆๆค่ะ ถึงแม้แพทจะไม่ได้ดูดาวเพราะช่วงที่แพทมาเมฆปกคลุมตลอดทั้งวัน ฟ้าครึ้มๆ เสียดายมาก แต่ก็ควรขึ้นมาชมวิวตรงนี้ มานั่งเล่นนอนเล่นบนโซฟาก็ได้
บุฟเฟ่ต์ของโรงแรมบอกเลยว่ามีเยอะเกินไปค่ะ จนตัดสินใจลำบากมากจริงๆว่ามื้อนี้จะกินอะไรดี มีอาหารทุกอย่าง ทุกขาติ
การได้ตื่นเช้ามาอาบน้ำในอ่างกระจกนี้เป็นอะไรที่ฟินจริงๆ
เน็ทตรงระเบียงห้องก็เป็นอีกที่ที่แพทออกมานอนดูดาวทุกคืน สบายจนเผลอหลับไปได้เลย
เช้าวันสุดท้ายแพททัวร์ถ่ายภาพรอบเกาะเลยค่ะ ฮืออ ไม่อยากกลับเลย เค้าว่ากันว่าช่วงเวลาความสุขมักจะผ่านไปเร็ว และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ สามวันสองคืน เร็วเหมือนสิบนาที ถ้าใครอยากมาแบบเต็มๆอิ่ม แพทแนะนำว่าอย่างน้อยควรมีซักสามคืนนะคะ คราวหน้าแพทต้องมาซักอาทิตย์ซะแล้ว